นาคำไฮ  โมเดล  
วสันต์   บุญล้น  และคณะ
           เมื่อนักวิจัยพบว่า  ข้อมูลที่ได้มา  เป็นข้อมูลในระดับปรากฏการณ์ของชุมชน  เป็นข้อมูลที่คนในชุมชนได้ช่วยกันคิด  วิเคราะห์มาแล้ว  นักวิจัยจึงทำหน้าที่รวบรวมและจัดระบบ  ต่อเมื่อเวลาผ่านไป  นักวิจัยจึงดำเนินการสังเคราะห์และตีความจากข้อมูล  แล้วเอาความจริงที่ค้นพบมาสะท้อนกลับให้ชุมชนได้รับรู้  หาแนวทาง 
และลงมือแก้ไขปัญหาร่วมกัน  กระบวนการเหล่านี้บางบริบทต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร  อาจใช้เวลาแรมเดือน  หลายเดือน 
อาจเป็นปี  หรือหลายปี  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย
           กล่าวเฉพาะปัญหาในชุมชน  ปัญหาบางอย่างมีความจำเป็นเร่งด่วน  บางอย่างมีความซับซ้อน  บางอย่างเกิดขึ้นแล้วดับไป  บางอย่างอยู่ยาวมาจนถึงปัจจุบัน 
และบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในขณะที่เรากำลังสื่อสารกันอยู่นี้  การจัดการกับปัญหาแต่ละอย่างจึงแตกต่างกัน  
           การดำเนินงานวิจัยชุมชน 
จึงไม่ควรใช้ระยะเวลาการดำเนินงาน  เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของงานวิจัยชุมชนเสมอไป  ใช่ว่างานวิจัยชุมชนที่ดี  มีคุณภาพ 
จะต้องใช้ระยะเวลายาวนาน  เพราะหากความรู้ความจริงที่ค้นพบ  อุปมาเหมือนยาดีที่นักวิจัยเชื่อมั่นว่ารักษาปัญหาของชุมชนได้  ถูกนำมาใช้ไม่ถูกจุด  ไม่ทันการณ์ 
 ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความสิ้นเปลืองในหลายด้าน  แต่ปัญหาดังกล่าวอาจขยายตัวลุกลามจนยากจะแก้ไข
สำหรับโครงการวิจัย รูปแบบและแนวทางการพัฒนาผ้าพื้นเมืองจังหวัดหนองบัวลำภู ถูกออกแบบให้มีการดำเนินงานเชิงรุก มีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยคำนึงถึงการกินดีอยู่ดีของครอบครัวคนทอผ้าพื้นเมือง ทั้งนี้ เชื่อว่า ถึงที่สุดแล้วคนที่ประกอบอาชีพทอผ้าอาจไม่จำเป็นจะต้องทอผ้าเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น หากฟ้าฝนไม่อำนวย ชาวบ้านทำการเกษตรไม่ได้ผลเท่าที่ควรจะเป็น อาชีพทอผ้าพื้นเมือง อาจเป็นอาชีพทางเลือกที่จะทำให้คนหนองบัวลำภู มีรายได้อย่างต่อเนื่อง เพียงพอต่อการเลี้ยงดูครอบครัว
ความเป็นมา    
           จากการจัดกิจกรรมพัฒนาโจทย์วิจัยร่วมกับกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง  ครอบคลุมพื้นที่ทุกอำเภอในจังหวัดหนองบัวลำภู  และเป็นที่ยอมรับของคนในจังหวัดหนองบัวลำภู  จำนวน 
8  กลุ่ม  ได้แก่ 
กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ 
กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านโพธิ์ค้ำ 
กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนากลาง 
หมู่ 7 
กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านเพ็กเฟื้อย 
กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านกุดกวางสร้อย 
กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านโนนสว่าง 
กลุ่มเย็บผ้าด้วยมือขวัญตาผ้าทอ 
และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายแม่บ้านสิ่งแวดล้อมตำบลนาสี  ในวันที่  24-26 
กุมภาพันธ์  2559  ณ 
โรงแรมโชควิวัฒน์  เฮาส์  อำเภอเมืองหนองบัวลำภู  จังหวัดหนองบัวลำภู  ที่ผ่านมา 
           ทำให้ได้โจทย์วิจัยกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองจังหวัดหนองบัวลำภู  ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบและแนวทางการพัฒนาผ้าพื้นเมืองในภาพรวมของจังหวัด  ในรายละเอียดกำหนดแนวทางการพัฒนาสำหรับกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองที่มีศักยภาพสูง  กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองที่มีศักยภาพปานกลาง  และกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองที่กำลังพัฒนา 
เป็นการศึกษาภาพใหญ่เพื่อให้เห็นโครงสร้างการดำเนินงาน  ศักยภาพและปัญหาอุปสรรค  ตลอดจนแนวทางการพัฒนาของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู
           ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานระยะต่อมา 
คณะนักวิจัยและตัวแทนกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองในจังหวัดหนองบัวลำภู  ได้มีความเห็นร่วมกันว่า  สมควรค้นหารูปแบบและแนวทางการพัฒนาในระดับชุมชน  สร้างชุมชนต้นแบบการพัฒนา  ขยายผลการเรียนรู้สู่กลุ่มอื่นๆ  ในอนาคต 
โดยใช้วิธีการประเมินศักยภาพกลุ่มที่มีความพร้อม 
โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในหลายประเด็น    
           กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง  เป็นกลุ่มที่นักวิจัยได้ตัดสินใจ  คัดเลือกให้นำร่องชุมชนต้นแบบการพัฒนา  เนื่องจากกลุ่มนี้มีการสืบทอดภูมิปัญญา  มีความเป็นชุมชนสูง  สมาชิกมีความสัมพันธ์กันในหลายด้านไม่จำเพาะความสัมพันธ์ทางธุรกิจเท่านั้น
 สามารถพึ่งพาตนเองได้  มีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน  มีผู้นำกลุ่มที่เข้มแข็ง  สมาชิกมีทักษะการดำเนินงานในบทบาทหน้าที่ของตน  และมีจำนวนคงอยู่ถาวร  ยอมรับกฎกติกากลุ่มร่วมกัน 
มีรายได้จากการจำหน่ายผ้าพื้นเมืองสม่ำเสมอ  มีการแบ่งปันผลประโยชน์ที่สมาชิกกลุ่มยอมรับและเห็นว่ามีความยุติธรรม
           ที่สำคัญที่สุด  ก็คือ 
ประธาน  ที่ปรึกษา  และสมาชิกกลุ่ม  มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา  ผลักดันให้การทอผ้าพื้นเมืองในพื้นที่  สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวหนองบัวลำภู  จนสามารถเป็นทางเลือก  ใช้ประกอบเป็นอาชีพหลัก  นอกเหนือจากอาชีพในภาคเกษตรกรรม  
           การออกแบบกิจกรรมการพัฒนาโจทย์วิจัยกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  คณะนักวิจัย 
ได้ 
กำหนดจัดกิจกรรมเป็น  2  ช่วง  ช่วงแรก  เป็นการวิเคราะห์ศักยภาพและปัญหาอุปสรรคร่วมกัน  เพื่อพัฒนาโจทย์วิจัยระดับชุมชน  ระหว่างวันที่ 
1- 3  พฤษภาคม  2559 
ณ  ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  ช่วงที่ 2 
เป็นการปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว 
ระหว่างวันที่  4- 6  พฤษภาคม 
2559  ณ  ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ
           มีเป้าหมายหลัก  3 
ประการ  คือ
           ประการที่ 1 
เพื่อพัฒนาโจทย์วิจัยกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  ซึ่งเป็นโจทย์วิจัยระดับชุมชน 
ต่อยอดจากโจทย์วิจัยในระดับจังหวัดที่เคยจัดกิจกรรมไปแล้ว  
           ประการที่ 2 
เพื่อแก้ปัญหาจากโจทย์วิจัย 
โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของสมาชิกกลุ่ม
ประการที่ 3 เพื่อทดลองจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในพื้นที่ต้นแบบ เพื่อให้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของชุมชน เช่น การบริหารจัดการกลุ่ม ทัศนคติ ความสนใจ ความพร้อมเพรียง และความกระตือรือร้นของสมาชิก ความพร้อมของอาคารสถานที่ ศักยภาพในการจัดการอาหารพื้นบ้าน เป็นต้น
การดำเนินงาน
การจัดกิจกรรมช่วงแรก อาจารย์บุญเสริฐ เสียงสนั่น และอาจารย์วิเชียร สอนจันทร์ วิทยากรกระบวนการ, อาจารย์วสันต์ บุญล้น หัวหน้าโครงการ, นักวิจัยวิทยาลัยชุมชนหนองบัวลำภู, แกนนำกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ, ได้ร่วมกันวิเคราะห์ศักยภาพและปัญหาอุปสรรคของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ เพื่อเก็บประเด็นทั้งหมด และถอดบางประเด็นที่เห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน
           จากนั้น  ได้นำประเด็นเข้าสู่ที่ประชุมสมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  
           ผลปรากฏว่า  สมาชิกกลุ่มมีความเห็นร่วมกันว่า  กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  เป็นกลุ่มที่ทอผ้าลายขิดสลับหมี่  เป็นลายเอกลักษณ์เนื้อผ้ามีสัมผัสอ่อนนุ่มจากการหมักน้ำข้าวพันธุ์พื้นเมือง  สีสันออกแบบเป็นสีพื้น  ไม่ฉูดฉาด 
จึงได้รับการยอมรับจากผู้ซื้อ 
กลุ่มนี้จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสร้างอัตลักษณ์  
           การบริหารจัดการกลุ่ม  นางพันธ์   สุภาผล  เป็นที่ปรึกษากลุ่ม  นายกิติพันธ์  
สุทธิสา  เป็นประธานกลุ่ม  นางเทวา 
สุทธิสา 
เป็นผู้ช่วยประธานกลุ่ม 
ในส่วนบริหารทำหน้าที่หาช่องทางการจำหน่าย 
กำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิก 
ประเภท  ราคา  และควบคุมคุณภาพผ้าทอ  ออกแบบลวดลายใหม่ๆ  และกรรมวิธีการทอเพื่อถ่ายทอดแก่สมาชิก 
จัดการปริมาณการผลิตให้สัมพันธ์กับความต้องการของตลาด  หาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกลุ่ม 
และจัดการปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นภายในกลุ่ม     
           สมาชิกกลุ่ม 
ได้แบ่งบทบาททำหน้าที่  เลขานุการ  เหรัญญิก 
ประชาสัมพันธ์  และหน้าที่อื่น  เช่นเดียวกันกับกลุ่มผ้าทออื่นๆ  กลุ่มนี้มีการประชุมกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ  มีกฎกติกาที่ยอมรับร่วมกันชัดเจน   มีการชี้แจงทำความเข้าใจรายรับรายจ่าย  มีการแบ่งปันผลประโยชน์ตามกำลังการผลิตที่แต่ละคนทำได้  กลุ่มนี้จึงไม่มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการกลุ่ม
           สำหรับกำลังการผลิตและคุณภาพผ้าทอของกลุ่ม  มีกำลังการผลิตต่อเดือน  ผ้าขิด 
ประมาณ  1,000  เมตร 
ผ้าพื้น  ประมาณ  500 
เมตร 
ผ้าของกลุ่มได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน(มผช.)  และกำหนดมาตรฐานกลาง  ให้ผ้าทอของกลุ่ม  ทอแน่น  ไม่โปร่งบาง 
โดยกำหนดขนาดฟืมต้องไม่ต่ำกว่า 
1,200 ฟันฟืม  ต่อเมตร  ผ้าจึงจะทอแน่นมีความละเอียด  เนื้อผ้ามีความอ่อนนุ่ม  สีไม่ตก 
ทนต่อแสงแดดและการซักรีด 
น้ำที่ใช้ย้อมมีความเป็นกลางไม่ทำให้เกิดอาการแพ้แก่ผู้สวมใส่  ส่วนน้ำหมักข้าวพันธุ์พื้นเมืองต้องนำน้ำซาวข้าวมาทิ้งไว้ให้ตกตะกอน  แล้วรินน้ำส่วนบนที่ไม่ตกตะกอนนำมาหมัก  ผ้าจึงจะมีกลิ่นหอมและอ่อนนุ่ม  หากหมักผ้าลงในน้ำที่ตกตะกอน  ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง  จะทำให้เนื้อผ้าแข็งกระด้าง  ไม่น่าสวมใส่ 
     
           ส่วนช่องทางการจำหน่าย 
ร้านประจำ  ได้แก่  ร้านเทวาผ้าทอ(ที่ตั้งกลุ่ม)  ร้านในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู(ใกล้กับ
บขส.เก่า  จังหวัดหนองบัวลำภู)  ร้านในศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร  ร้านใน JJ Mall  ส่วนการสั่งซื้อ  มีออเดอร์สั่งซื้อจากลูกค้าประจำ  ทั้งในกรุงเทพมหานคร  และร้านผ้าทอในจังหวัดมุกดาหาร  จังหวัดนครพนม 
จังหวัดหนองคาย  จังหวัดอุดรธานี  และจังหวัดชัยภูมิ  กลุ่มนี้จึงไม่มีปัญหาเรื่องช่องทางการจำหน่าย
           กระบวนการผลิตผ้าพื้นเมือง  สามารถแบ่งอย่างง่ายเป็น  2 
ขั้นตอนใหญ่ๆ  ได้แก่  การเตรียมเส้นพุง  เส้นยืน 
และการทอ
           สำหรับสมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  การทอเป็นขั้นตอนที่สมาชิกกลุ่มทุกคนทำได้  ทำเป็น 
มีความเชี่ยวชาญ  เนื่องจากเป็นคุณสมบัติที่สมาชิกจะต้องมี  จึงจะสามารถรับเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มได้  และขั้นตอนการย้อมก็ถือเป็นขั้นตอนที่ทุกคนทำได้  แม้มีเทคนิคแตกต่างกันเล็กน้อย  แต่ให้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างกันมากนัก  เมื่อรวมระยะเวลาการผลิตแล้ว 
ผ้าทอแต่ละม้วนสมาชิกกลุ่มใช้ระยะเวลาการผลิตไม่ต่ำกว่า 2 เดือน  เมื่อสอบถามคณะกรรมการบริหารกลุ่มก็พบว่า  ปัจจุบันกลุ่มประสบปัญหาเรื่องการผลิตไม่ทันตามความต้องการของตลาด  โดยเฉพาะในช่วงฤดูทำนา  ทำไร่อ้อย 
           ในอดีตที่ผ่านมา 
คณะกรรมการบริหารกลุ่มใช้วิธีการรับซื้อผ้าทอจากสมาชิกเพื่อกักตุนไว้  โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์  ถึงเดือนพฤษภาคม  ซึ่งสมาชิกกลุ่มจะทอผ้ามาก  เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูทำการเกษตร  แต่อย่างไรก็ตาม  วิธีการนี้ 
เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ขาดความยั่งยืน 
เนื่องจากออเดอร์สั่งซื้อจากลูกค้าในแต่ละปีมีจำนวนมาก  และมักกำหนดส่งผ้าทอในห้วงเวลาจำกัด  เมื่อกลุ่มไม่สามารถผลิตให้ทันตามความต้องการ  ลูกค้าจึงขาดความเชื่อมั่น  และมักจะเปลี่ยนไปสั่งผ้าทอประเภทอื่นจากกลุ่มอื่นแทน 
  
           คณะนักวิจัย 
และสมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  จึงมีความเห็นร่วมกันว่า 
กลุ่มประสบปัญหาเรื่องการผลิตไม่ทันตามความต้องการของตลาด  แต่จะอยู่ในขั้นตอนใดนั้น  ยังไม่สามารถระบุได้  แต่จะต้องไม่ใช่ขั้นตอนการทอแน่นอน  เพราะขั้นตอนนี้สมาชิกทุกคนมีความเชี่ยวชาญ  และสามารถทอได้อย่างน้อยคนละ  2 
เมตรต่อวัน
นับเป็นปัญหาที่ท้าทาย สำหรับคณะนักวิจัย และสมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ
           ในวันที่ 3  ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการพัฒนาโจทย์วิจัยระดับชุมชน  คณะนักวิจัย  และสมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ 
ได้ร่วมกันระดมความคิดเห็นเพื่อค้นหา 
ขั้นตอนสำคัญที่ทำให้การทอผ้าพื้นเมืองของกลุ่มมีความล่าช้า  จนได้ข้อสรุปว่า  มีอยู่ 
4  ขั้นตอน  ดังนี้
               1.การกรอด้าย
               2.การค้นและสืบเส้นยืน
               3.การสอดฟันฟืม
               4.การเก็บเขา
สรุปเป็นโจทย์วิจัยระดับชุมชนของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ
           การจัดกิจกรรมช่วงที่สอง  อาจารย์จรูญ  
พาระมี  และคณะ  วิทยากรปฏิบัติการ,  นักวิจัยวิทยาลัยชุมชนหนองบัวลำภู,  สมาชิกกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ,  ได้นำโจทย์วิจัยระดับชุมชนของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  มาพิจารณาทั้ง 4 ขั้นตอน  ได้แก่ 
การกรอด้าย 
การค้นและสืบเส้นยืน  การสอดฟันฟืม
การเก็บเขา  โดยให้สมาชิกกลุ่มสาธิตวิธีดั้งเดิมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาในอดีต  ซึ่งมีความล่าช้า  จากนั้นอาจารย์จรูญ   พาระมี 
และคณะ  ได้เสนอวิธีการที่ประยุกต์มาจากวิธีการเดิมที่เน้นการใช้วัสดุในท้องถิ่นที่มีอยู่แล้ว  แต่ใช้ระยะเวลาน้อยลง  
           การกรอด้าย  สาธิตวิธีการทำ  และเสนอให้ใช้มอเตอร์ประยุกต์มาใช้  เพื่อประหยัดเวลา
           การค้นและสืบเส้นยืน  สาธิตวิธีการทำ  และเสนอให้ใช้น็อตวางทับเส้นด้ายที่หัวตะปูรางยึด  และใช้กระบอกไม้ไผ่ผิวเรียบรูดเส้นด้าย  แทนการใช้มือรูดเพื่อประหยัดเวลา  และช่วยการเรียงตัวของเส้นด้ายไม่ให้พันกัน
การสอดฟันฟืม จากเดิมที่ใช้ คนเดียวสอดใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 วันต่อฟืม สาธิตวิธีการทำ และเสนอให้ใช้ 2 คนช่วยกัน โดยตั้งฟืมในแนวตั้ง คนแรกทำหน้าที่ใช้เล็บกดฟันฟืม แล้วใช้ไม้สอดฟันฟืมไปฝั่งตรงข้าม อีกคนหยิบด้ายลงมาทีละเส้นเพื่อคล้องปลายไม้ วิธีการนี้ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีต่อฟืม จึงถือว่าประหยัดเวลาลงไปได้มาก
           การเก็บเขา  สาธิตวิธีการทำ  และเสนอให้ใช้ไม้แผ่นสั้นมาช่วยในการทำงาน  เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
           จากการทดลองปฏิบัติของสมาชิกกลุ่มทุกคน  พบว่า 
ทุกคนมีทัศนคติที่ดีต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสามารถทำได้  แต่จะมีความชำนาญแตกต่างกัน  บางคนถนัดสอดฟันฟืม  บางคนถนัดเก็บเขา  ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นฐานในกระบวนการทอผ้า  ความถนัด 
และความสนใจ  
           ภายหลังการฝึกปฏิบัติเสร็จสิ้น  สมาชิกทุกคนเห็นว่า  หากฝึกปฏิบัติจนมีความชำนาญทุกขั้นตอน 
ปัญหาเรื่องการผลิตไม่ทันตามความต้องการของตลาดของกลุ่มก็จะหมดไป 
จึงกล่าวได้ว่าการดำเนินงานครั้งนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัย 
รูปแบบและแนวทางการพัฒนาผ้าพื้นเมืองจังหวัดหนองบัวลำภู  
           แต่จะบรรลุเป้าหมายเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนหรือไม่นั้น  สมาชิกกลุ่มยังไม่แน่ใจ
           อาจารย์วสันต์   บุญล้น 
และคณะนักวิจัย 
จึงได้นำเสนอนาคำไฮ  โมเดล 
           โดยมีความเชื่อว่ากลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ  มีความเข้มแข็งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าสู่ชุมชนได้  เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาในชุมชนแล้ว  จึงส่งต่อนักท่องเที่ยวไปสู่กลุ่มอาชีพอื่นเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้  โดยอาศัยทุนทางวัฒนธรรม  ทุนทางสังคม 
การประชาสัมพันธ์ 
การคมนาคมที่ความสะดวกสบาย  และความร่วมมือจากกลุ่มอาชีพอื่น  ที่มีอยู่ในชุมชน  เช่น 
กลุ่มข้าวฮาง  กลุ่มเกษตรอินทรีย์  กลุ่มอาหาร 
กลุ่มศิลปินพื้นบ้าน  เป็นต้น  
           ในระดับชุมชน  อนาคตอันใกล้ 
ควรได้มีการหารือแนวทางการกำหนด 
“แผนที่ท่องเที่ยวโดยชุมชน” 
ในพื้นที่ตำบลนาคำไฮ 
โดยเชิญตัวแทนกลุ่มอาชีพทุกกลุ่ม 
ตัวแทนหน่วยงานในพื้นที่  วัด  สถานศึกษา 
ผู้นำชุมชน  มาค้นหาศักยภาพที่แท้จริงของนาคำไฮ  ร่วมกันออกแบบ 
หาแนวทางพัฒนากลุ่ม 
ตลอดจนการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนร่วมกัน 
เพราะลำพังการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพใดอาชีพหนึ่ง  หากไม่บูรณาการความร่วมมือกับกลุ่มอาชีพอื่นในชุมชนแล้ว  ย่อมเป็นไปได้ยากที่จะทำให้ชุมชนเข้มแข็งได้  
           ในระดับจังหวัด  อนาคตอันใกล้ 
ควรได้มีการหารือแนวทางการกำหนด 
ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวกลุ่มอาชีพ 
ซึ่งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู  เช่น 
กลุ่มทอผ้า  กลุ่มข้าวฮาง  กลุ่มเกษตรอินทรีย์  เป็นต้น 
ทั้งนี้ 
ควรเชื่อมโยงกับการจัดการที่พักขนาดเล็ก 
อาหารพื้นบ้าน  และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม  เช่น  ถ้ำเอราวัณ  วนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้  พิพิธภัณฑ์หอยหินโบราณ  ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ  วัดถ้ำกลองเพล 
เป็นต้น
           นาคำไฮ  โมเดล  เป็นผลจากการพัฒนาโจทย์วิจัยระดับชุมชน  เป็นทางเลือกการพัฒนาที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน  ที่คณะนักวิจัยเชื่อมั่นว่าชุมชนอื่นๆ 
ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูที่มีบริบทคล้ายกันอาจนำไปประยุกต์ใช้ได้  เพื่อเป้าหมายเดียวกัน  คือ  “เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน”